นักพนันที่ชื่นชอบในการเล่นเกมไพ่แบล็กแจ็กและต้องการได้รับถึงประสบการณ์การเดิมพันที่เสมือนหนึ่งว่าได้เข้าไปเดิมพันในบ่อนจริง ๆ เราขอแนะนำให้ท่านได้เข้าเล่นกับ blackjack casino live การเดิมพันคาสิโนสดที่ผู้เล่นจะได้รับรสสัมผัสเหมือนว่าได้เดินเข้าไปเล่นในบ่อนจริง ๆ ซึ่งการเดิมพันในเกมแบล็กแจ็กนั้นเป็นเกมไพ่ที่มีรูปแบบการเล่นที่เล่นง่ายไม่ต่างจากเกมบาคาร่า และสำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำการนับแต้มไพ่ในเกมแบล็กแจ็กว่าเป็นอย่างไร มีคำศัพท์อะไรบ้างที่นักพนันจะต้องรู้และเทคนิคต่าง ๆ ในการที่จะเอาชนะในเกมประเภทนี้เรามาดูกัน
วิธีเล่น ไพ่ Blackjack การนับแต้ม
- ไพ่ 2-10 มีแต้มตามหน้าเลขไพ่
- ไพ่ J Q K มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม
- A มีแต้ม 1 หรือ 11 แล้วต่ำไพ่บนมือ เช่น A,9 = 20 แต้ม หรือ A,6 = 7 แต้มแล้วจั่วเพิ่มคะแนนเกิน 21 จะนับ A เป็น 1 เท่านั้น
- แต้มรวมไพ่ 21 คือ Blackjack
- กรณี Split แยกไพ่คู่ A หากได้แต้มรวม 21 ถือว่าไม่ได้แบล็กแจ็ก เพราะ Blackjack คือ 2 ใบแรกเท่ารวมกันนั้น
กติกาพื้นฐานในการเล่น BlackJack
ปกติแล้วหากเป็นการเล่นตามบ้านหรือบ่อนทั่วไปแค่ไพ่ 1 สำรับก็เพียงพอแล้ว แต่ใน คาสิโนออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะใช้ไพ่ 6 สำรับ ที่สับเปลี่ยนตำแหน่งแล้วใส่ไว้ในขอนไพ่เช่นเดียวกับบาคาร่า จากนั้นก็จะมีการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคน คนละสองใบ จากนั้นแต่ละคนก็จะสามารถจั่วไพ่ได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้แต้มใกล้เคียงหรือเท่ากับ 21 แต้ม สิ่งที่ต้องจำไว้คือเกมนี้เราจะไม่สามารถทิ้งไพ่หรือเลือกไพ่มาสู้ได้ เท่ากับว่าหากจั่วมาแล้วแต้มเกิน 21 แต้ม เราก็จะแพ้ทันที
สำหรับการนับแต้มไพ่ แบล็กแจ็ก จะมีวิธีการนับดังนี้
- ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม แต่ถ้าอยู่คู่กับไพ่ 10, J, Q หรือ K จะมีค่าเป็น 11 แต้มทันที
- ไพ่ 2 – 9 มีค่าเท่ากับหมายเลขหน้าไพ่ เช่น หน้าไพ่ 2 ก็จะมีค่าเท่ากับ 2 แต้ม เป็นต้น
- ไพ่ J, Q และ K มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม
ส่วนดอกไพ่จะไม่มีผลในการวัดแต้มไพ่ และจะไม่มีการใช้ Kicker กรณีที่แต้มไพ่เท่ากัน ดังนั้นผลที่ได้ก็จะมี ชนะ เสมอ และแพ้ หลังจากที่ได้รับแจกไพ่แล้ว ผู้เล่นแต่ละคนและเจ้ามือจะต้องเลือกเล่นด้วยตัวเลือกต่อไปนี้
- Hit เป็นการจั่วไพ่เพิ่มอีกหนึ่งใบ หากแต้มไพ่รวมแล้วน้อยกว่า 21 แต้ม โดยผู้เล่นจะสามารถจั่วได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ ส่วนเจ้ามือจะต้องจั่วเพิ่มเรื่อย ๆ หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกน้อยกว่าหรือเท่ากับ 16 แต้ม และจะไม่สามารถจั่วได้หากแต้มรวมของไพ่สองใบแรกมากกว่าหรือเท่ากับ 17 แต้ม
- Split เป็นการแยกไพ่ออกเป็นสองชุด จะใช้ในกรณีที่ไพ่สองใบแรกออกเป็นไพ่คู่ AA หรือ 88 เท่านั้น และผู้ที่แยกไพ่จะต้องวางเดิมพันเพิ่มอีกหนึ่งขา หลังจากที่แยกไพ่แล้วหากเป็นไพ่คู่ AA จะสามารถจั่วเพิ่มได้อีกขาละ 1 ใบ แล้วถ้าได้ไพ่ 10, J, Q หรือว่า K จะถือว่าเป็นการติด 21 แต้มธรรมดาเท่านั้น ไม่นับเป็น แบล็กแจ็ก แต่ถ้าเป็นไพ่คู่ 88 จะสามารถจั่วได้ไม่จำกัด
- Double Down เป็นการเพิ่มเดิมพันอีกหนึ่งเท่าตัว ซึ่งจะต้องทำในช่วงไพ่สองใบแรกและจะต้องไม่ใช่คู่ แบล็กแจ็ก เท่านั้น และหลังจากเพิ่มเดิมพันก็จะสามารถจั่วไพ่ได้แค่ใบเดียว
- Surrender เป็นการยอมแพ้ซึ่งจะต้องทำในช่วงไพ่สองใบแรกเท่านั้น โดยผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืนกลับไปครึ่งหนึ่ง
- Insurance เป็นการทำประกันเดิมพัน จะทำเมื่อไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็น A เจ้ามือจะเปิดโอกาสให้ขาบนโต๊ะสามารถทำประกันก่อนที่จะเปิดไพ่ใบที่สองได้ โดยเบี้ยประกันจะต้องจ่ายเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน หลังจากนั้นถ้าเจ้ามือติด แบล็กแจ็ก ผู้เล่นที่ทำประกันจะได้รับเงินประกันและเงินเดิมพันคืน แต่ถ้าไม่ติด BlackJack เงินประกันจะเสียเปล่าทันที
เก็บไพ่ หากผู้เล่นติด แบล็กแจ็ก แล้วไพ่ใบแรกของเจ้ามือออก A ผู้เล่นสามารถเลือกเก็บไพ่ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการเสมอกับเจ้ามือ
เทคนิคพื้นฐานที่ต้องรู้ในการเล่น BlackJack
แม้ว่า แบล็กแจ็ก เป็นเกมไพ่ที่แทบจะไม่ต้องใช้ดวง และเน้นไปที่ทักษะฝีมือและประสบการณ์ของผู้เล่นเป็นหลัก ถึงอย่างนั้นสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการเล่นได้เช่นกันครับ
เมื่อใดก็ตามที่ไพ่ใบแรกของเจ้ามือออก A เราควรจะรีบเดิมพันประกันไพ่ทุกครั้ง เพราะจากสถิติแล้วมีโอกาสที่เจ้ามือจะติดไพ่ แบล็กแจ็ก สูงมาก เราเลยต้องทำไว้เพื่อได้คืน แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เจ้ามือไม่ติด แบล็กแจ็ก และเราต้องเสียเงินเปล่าก็ตาม
ในกรณีที่ได้ไพ่คู่สูงอย่าง AA, KK, QQ, JJ, 1010 และ 88 ถ้า คาสิโนออนไลน์ เปิดให้เราแยกไพ่ได้ทุกคู่ก็จัดเลย เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ แต่สำหรับบางเว็บอาจจำกัดให้แยกได้แค่คู่ AA กับ 88 ถึงอย่างนั้นมันก็ยังควรแยกอยู่ดี ที่สำคัญอย่าลืมดูเงินในกระเป๋าด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นดวงซวยเพราะโดนบังคับให้หมอบเพียงแค่เงินไม่พอให้เล่นสองขา
การจั่วไพ่ควรทำด้วยความระมัดระวัง ควรดูด้วยว่าแต้มรวมของไพ่ในมือเราอยู่ประมาณไหน หากรวมแล้วได้ไม่เกิน 11 แต้มก็น่าจั่วเพิ่มอยู่ แต่ถ้าได้สัก 12 หรือ 13 การอยู่จะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะถ้าจั่วเพิ่มมันก็มีความเสี่ยงที่แต้มรวมจะทะลุ 21 แต้ม แทนที่จะชนะก็กลายเป็นแพ้เฉยเลย จำไว้ว่าตราบใดที่เจ้ามือไม่ได้ แบล็กแจ็ก เราก็ยังมีโอกาสชนะเสมอ